การลงทุนมีความเสี่ยง ! 10 อันดับทีมทุ่มเงินมหาศาลเพื่อซื้อความสำเร็จ

ความสำเร็จของ บาเยิร์น มิวนิค ในการคว้าทริปเบิ้ลแชมป์ ฤดูกาล 2019/2020 เป็นบทพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการลงทุนอย่างเหมาะสมสามารถประสบความสำเร็จได้มากมาย ขณะที่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 

แม้ว่าจะคว้าแชมป์ทุกรายการในประเทศฝรั่งเศส แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถคว้าโทรฟี่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครอบครองได้ ทั้งๆ ที่พวกเขาลงทุนไปมหาศาลก็ตาม ก่อนหน้านี้มีหลายสโมสรที่ควักกระเป๋าสร้างทีม ไม่ว่าจะเป็น เรอัล มาดริด, ยูเวนตุส, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ บาร์เซโลน่า เป็นต้น ต่างก็คาดหวังที่จะนำแชมป์มาสู่ทีม ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับวงการลูกหนังในปัจจุบันที่ต้องการความสำเร็จในแบบที่ไม่ต้องใช้เวลารอนาน แต่บางครั้งเงินก็ไม่ใช่คำตอบทุกอย่าง
สำหรับเรื่องนี้ "เดอะ ซัน" สื่อดังในประเทศอังกฤษ ได้จัดอันดับสโมสรที่ใช้เงินซื้อความสำเร็จในช่วงที่ผ่านมา แต่การลงทุนในแต่ละครั้งมีความเสี่ยง ฉะนั้นบางทีมอาจจะบรรลุเป้าหมายในการใช้เงินซื้อความสำเร็จ แต่บางทีก็ไม่เป็นเช่นนั้น แน่นอนว่า "ราชันชุดขาว" เรอัล มาดริด  ยังคงครองเบอร์ 1 ในเรื่องการใช้จ่ายเงิน ส่วนหนึ่งมาจากการที่พวกเขาเพิ่งควักกระเป๋าซื้อ เอแด็น อาซาร์ เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติเบลเยียม มาจาก "สิงโตน้ำเงินคราม" เชลซี เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา จอมทัพร่างเล็กสลัดน้ำหมึกเซ็นสัญญามาอยู่ในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบว ด้วยสนนราคา 103 ล้านปอนด์ (ราว 3,914 ล้านบาท) dbesoftware.com โดยเขาเป็นหนึ่งในการเซ็นสัญญาด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลของ "โลส บลังโกส" เพื่อที่จะครอบครองความยิ่งใหญ่ใน ลา ลีกา  ก่อนหน้านี้ทีมก็จ่ายหนักไม่เบาในการกระชากตัว ลูก้า โยวิช ประมาณ 54 ล้านปอนด์ (ราว 2,052 ล้านบาท), แฟร์กล็องด์ เมนดี้ 43 ล้านปอนด์ (ราว 1,635 ล้านบาท) และ โรดริโก้ 40 ล้านปอนด์ (ราว 1,520 ล้านบาท) แม้ในซีซั่นล่าสุดพวกเขาจะตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็ตาม แต่ทีมก็ยังคว้าแชมป์ลา ลีกา เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2017
dbesoftware.com
ในยุคที่อูไน เอเมรี่ กุมบังเหียน "เปแอสเช" เขาสร้างสถิติในวงการตลาดซื้อขายนักเตะด้วยการทุ่มเงินเป็นสถิติโลกจำนวน 198 ล้านปอนด์ (ราว 7,542 ล้านบาท) ในการคว้าตัว เนย์มาร์ กองหน้าพรสวรรค์เทคนิคสูง มาจาก "เจ้าบุญทุ่ม" บาร์เซโลน่า
การได้ตัวหัวหอกชาวบราซิเลียนมาร่วมสังกัดทำให้ แซงต์-แชร์กแมง คาดหวังที่จะคว้าแชมป์ถ้วยใบโตยุโรป แถมในเวลานั้นทีมยังยืมตัว คีลิยัน เอ็มบัปเป้ มาจาก โมนาโก (ปัจจุบันเซ็นถาวรแล้ว) ขณะที่ ยูริ เบร์ชีเช่ แบ็กซ้ายของ เรอัล โซเซียดาด ก็ย้ายมาเล่นให้กับ "เปแอสเช" ด้วยราคา 14 ล้านปอนด์ (ราว 532 ล้านบาท) 
นอกจากนี้ทีมยังได้ ดานี่ อัลเวส กับ ลาสซาน่า ดิยาร์ร่า มาเสริมแกร่งแบบไม่มีค่าตัว ในเวลานั้นทีมคว้าแชมป์ลีก เอิง ได้สำเร็จ แต่ก็ไปไม่ถึงฝังฝันด้วยการคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก  ที่หมายปองเอาไว้ ต้องบอกเลยว่าในปีนั้น เรอัล มาดริด ได้สร้าง  "กาลาติกอส" ยุค 2 ขึ้นมาด้วยการซื้อผู้เล่นระดับเวิลด์ คลาส มาเสริมทัพ โดยกระชากตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาจาก "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยราคาประมาณ 85 ล้านปอนด์ (ราว 3,230 ล้านบาท) ยังไม่หมดแค่นั้นเมื่อทีมยังจัดการรวบตัว ริคาร์โด้ กาก้า เพลย์เมกเกอร์หล่อฟ้าประทานด้วยราคา 60 ล้านปอนด์ (ราว 2,280 ล้านบาท) ตามด้วยการสอยหัวหอกในฝันอย่าง คาริม เบนเซม่า มาจาก โอลิมปิก ลียง ด้วยราคาประมาณ 32 ล้านปอนด์ (ราว 1,216 ล้านบาท) ตามด้วยการกระชาก ชาบี อลอนโซ่ มาจาก ลิเวอร์พูล ราคา 31 ล้านปอนด์ (ราว 1,178 ล้านบาท) ต้องบอกเลยว่านี่คือหนึ่งในช่วงซัมเมอร์ที่สาวก "ราชันชุดขาว" จดจำไม่เคยลืมเลือน แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือสโมสรจบอันดับ 2 ในตารางลีก และร่วงตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย โทรฟี่ "บิ๊กเอียร์" 
ชายคนเดียวคนเดิมที่ทำให้เกิดแรงขับเคลื่อนในการควักกระเป๋าจ่ายเงินนั่นก็คือ โรนัลโด้ โดยในเวลานั้นเขาตัดสินใจอำลา เรอัล มาดริด เมื่อปี 2018 เพื่อไปเล่นให้กับ ยูเวนตุส โดยการปิดยุคทองกับ "ราชันชุดขาว" แต่มาเปิดยุครุ่งเรืองครั้งใหม่กับ "ม้าลาย" สตาร์ดังชาวโปรตุกีส ซึ่งผ่านการคว้าแชป์แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแล้ว 5 สมัย (เรอัล มาดริด 4 สมัย, แมนฯ ยูไนเต็ด 1 สมัย) ย้ายมาเล่นในถิ่นอันลิอันซ์ สเตเดี้ยม ด้วยค่าตัว 105 ล้านปอนด์ (ราว 3,990 ล้านบาท) ซึ่งในปีนั้นถือเป็นเรื่องที่สุดฮือฮาในตลาดลูกหนังมากๆ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

UFABET แจกเครดิตฟรี เว็บพนัน ฟรีเครดิต เว็บพนันออนไลน์

ลูกาเราเข้ามุมไกล Martínezกึ่งกลางรวมทั้ง