รักษาแฟนบอล! เสี่ยฟลุ๊คเผยแนวทางราชบุรีรับมือโควิด-19
ธนวัชร์ นิติกาญจนา ประธานสโมสร ราชบุรี มิตรผล ออกมาพูดถึงแนวทางของทีมในช่วง โควิด-19 ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมแต่ยังคงต้องดำเนินธุรกิจฟุตบอลต่อไป
จากเดิมที่แฟนบอลจะใช้เงินนั้นต้องมาที่สนามแข่งขัน มาชมเกม,มาซื้อของที่ระลึก ต้องปรับเปลี่ยนจึงได้เกิดการทำงานในรูปแบบออนไลน์ มีการทำคลิปวีดีโอที่จะสื่อสารกับแฟนบอล, สอนฟุตบอล หรือแม้กระทั่งการที่แฟนบอลสั่งของจากชอปออนไลน์ได้นำนักฟุตบอลไปส่งของด้วยตัวเอง ทั้งหมดเพื่อรักษาฐานแฟนคลับไม่ให้ลดลง และตนเองเชื่อว่าในไม่ช้า fontanossubs.com ฟุตบอลจะกลับมาเข้าที่เข้าทางเหมือนปกติ “ทีมราชบุรี มิตรผล วันนี้กับเมื่อ 4 ปีก่อนเรามาไกลมาก ไกลเกินกว่าที่ผมคิดฝันไว้แต่แรก บอกตรงๆ ให้ผมกลับไปทำให้ทีมขึ้นจากดิวิชัน 2 มาถึงจุดนี้ อีกผมก็ไม่แน่ใจว่าผมจะทำได้อีกหรือเปล่า เพราะการคุมทีมฟุตบอลมีหลายอย่างประกอบกันเป็นความสำเร็จ แต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของใจ” ธนวัชร์ นิติกาญจนา
ผู้จัดการทีม “ราชันมังกร” ราชบุรี มิตรผล เอฟซี เล่าเส้นทางความสำเร็จในการเป็นผู้จัดทีมสโมสรฟุตบอลที่มาแรงที่สุดทีมหนึ่งในไทยพรีเมียร์ลีก ราว 4 ปีก่อน
จากสโมสรท้ายตารางดิวิชัน 2 ในชื่อราชบุรี เอฟซี ธนวัชร์ ชายหนุ่มในวัย 25 เพิ่งเรียนจบด้านการบริหารธุรกิจการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยมหิดล ได้เข้ามากุมบังเหียนท่ามกลางความเคลือบแคลงและสงสัยในความสามารถของเขา
แต่ธนวัชร์ก็เลือกที่เดินหน้าพิสูจน์ความสามารถ ด้วยเป้าหมายที่จะทำให้ทีมบ้านเกิดกลายเป็นทีมฟุตบอลระดับอาชีพอย่างแท้จริง และต้องยืนได้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกับสโมสรฟุตบอลทีมอื่นๆ ในไทยพรีเมียร์ลีก ธนวัชร์ เล่าถึงเส้นทางการคุมทีมฟุตบอลของเขาว่า ความจริงแล้วผมไม่ได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือเรียนรู้ด้านการบริหารทีมฟุตบอลมาก่อนก็เป็นแค่คนที่ชอบเล่นฟุตบอลและเรียนรู้กีฬาฟุตบอลคนหนึ่ง เป็นคนที่ชอบเรียนด้านการบริหาร มีการวางแผน การวางแท็กติกในการทำธุรกิจ เรียนรู้เรื่องการใช้คนผมเรียนแล้วผมชอบที่จะเอาประยุกต์ในการทำทีมของผมได้ จนกระทั่งทางทีมเข้ามาขอความช่วยเหลือจากทางครอบครัวให้ช่วยสนับสนุนเงินทุนในการทำทีมเราก็บอกว่าเราอยากช่วยอยากทำ แต่ถ้าทำแล้วให้เงินอย่างเดียวเราไม่ให้ แต่เราให้แล้วเราต้องเข้าไปดูแลให้ทีมของจังหวัดมีการเติบโตไปด้วย เพราะให้เงินแล้วแต่ขาดการบริหารจัดการที่ดีก็เปล่าประโยชน์ การทำต้องทำอย่างมีเป้าหมาย
ปัญหาที่เราเจอตอนแรกก็คือ ความเป็นมืออาชีพ แรกๆ นักเตะในทีมจะเป็นแบบกึ่งอาชีพคือ ทุกคนมีงานประจำแล้วก็มาซ้อมเตะบอลในตอนเย็นๆ การกินการอยู่ไม่เป็นอาชีพเลย มองกลับมาที่ตัวเราตอนนั้นเราอายุ 25 โค้ชอายุ 50 นักฟุตบอลมีตั้งแต่อายุ 1934 ปี ทุกคนส่วนใหญ่อายุมากกว่าเราทั้งนั้นและความรู้ในวงการฟุตบอลเราก็น้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น