ยอมเลย! "แลมพาร์ด" รับเชลซีสู้เชฟฯยูไนเต็ดไม่ได้
แฟร้งค์ แลมพาร์ด กุนซือ เชลซี รับสภาพ ทีมตนสู้คู่แข่งไม่ไหว หลังบุกพ่าย เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-3 พร้อมเร้าลูกทีมเกมหน้ากับ นอริช ซิตี้ จะมาเล่นแบบนี้ไม่ได้
แน่นอนว่าสำหรับแฟนฟุตบอลของเชลซีและอังกฤษ คงนึกถึงมิดฟิลด์หน้าหล่อคนนี้ไม่น้อย ด้วยสไตล์การเล่นที่ไม่หวือหวาแต่สามารถสร้างประโยชน์ให้กับทีมด้วยการพักจังหวะ ส่งบอลให้เพื่อน สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูให้กับกองหน้าได้แทบทุกครั้งเวลาลูกฟุตบอลออกจากเท้า
รวมทั้งการลักไก่ยิงไกลที่เฉียบคม จนสามารถยิงประตูให้กับสิงห์บลูถึง 211 ประตู ตลอด 429 นัดที่ลงสนาม จากโอกาสทางการศึกษา ทำให้เจ้าตัวสามารถมุ่งไปทางวิชาการ แถมยังสามารถสอบ “จีซีเอสอี” ที่เปรียบเสมือนการสอบเข้ามหาลัยด้วยคะแนนวิชาภาษาละตินเกรดเอเลยที เดียว แฟร้งค์ แลมพาร์ด ผู้จัดการทีม เชลซี ยอมรับว่า ทีมตนเป็นรอง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แทบทุกด้าน หลังจากที่ทัพ "สิงห์บลูส์" บุกไปแพ้ "ดาบคู่" แบบหมดสภาพ 0-3 ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ถึงแม้ เชลซี รั้งอันดับสามในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก ecurieredspring.com แต่พวกเขายังคงมี 60 แต้มเท่าเดิม หลังลงแข่งไปแล้ว 35 นัด ซึ่งเสี่ยงมากๆ ที่จะถูก เลสเตอร์ ซิตี้ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แซง โดย "จิ้งจอกสยาม" มีโปรแกรมบุกไปเยือน บอร์นมัธ วันอาทิตย์นี้ ส่วน "ปีศาจแดง" จะเปิดบ้านดวล เซาธ์แฮมป์ตัน คืนวันจันทร์ "พวกเขาดีกว่าเรา ทั้งเรื่องสภาพร่างกาย, ความคิด และการเล่นกับบอล พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเราจริงๆ ในเกมนี้" แลมพาร์ด เปิดใจหลังเกม "พวกเขาเป็นทีมที่ดี ถ้าคุณมาเยือนที่นี่ และเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน คุณก็ต้องเจออะไรแบบนี้แหละ"
ผมไม่กังวลเรื่องท็อปโฟร์หรอก ผมห่วงเรื่องฟอร์มการเล่นของเรามากกว่า ซึ่งก็รอดูกันว่า เราจะเป็นอย่างไรในเกมหน้าที่เจอกับ นอริช (วันอังคารที่ 14 กรกฎาคมนี้) แต่เราจะมาเล่นแบบวันนี้ในการเจอกับ นอริช, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ วูล์ฟส์ ไม่ได้นะ"
เมื่อวานนี้อีกข่าวใหญ่ในวงการฟุตบอลคงหนีไม่พ้นการประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการของ “แฟรงค์ แลมพาร์ด” อดีตมิดฟิลด์เชิงสูงของสโมสร “เชลซี” และ “ทีมชาติอังกฤษ” ในวัย 38 ปี หลังจากใช้เวลาค้าแข้ง 21 ปีเต็มในฐานะนักเตะอาชีพ แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะก่อนหน้านี้มิดฟิลด์อย่าง “สตีเว่น เจอร์ราร์ด” ก็เพิ่งประกาศเลิกเล่นไป
ความน่าสนใจของ “แลมพาร์ด” อยู่ที่เส้นทางการเป็นนักฟุตบอลของเจ้าตัวที่แตกต่างจากนักฟุตบอลอังกฤษส่วนใหญ่ เพราะเติบโตมาจากครอบครัวที่มีฐานะอยู่แล้ว เป็นลูกชายของ “แฟรงค์ แลมพาร์ด ซีเนียร์” อดีตตำนานนักเตะของเวสต์แฮม ทำให้ได้โอกาสเรียนในโรงเรียนประจำที่เป็นของเอกชนเก่าแก่ซึ่งได้รับโอกาสทางการศึกษาสูง (ถ้าเปรียบเทียบกับเมืองไทย ก็โรงเรียนเอกชนอย่าง “อัสสัมชัญ”, “กรุงเทพคริสเตียน”) ส่วนการเข้ามาเป็นนักฟุตบอลอาชีพ แน่นอนว่าต้องยอมรับว่าอิทธิพลของคณพ่อมีส่วนไม่น้อย เพราะได้เล่นทีมเยาวชนของ “เวสต์แฮม” ในสมัยที่คุณพ่อเป็นผู้ช่วยโค้ชของสโมสรอยู่ และได้รับสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพที่นั่นจนเวลาผ่านไปก็กลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมถึง แม้จะเคยถูก “สวอนซี” ยืมตัวช่วงสั้นๆในเวลานั้น โดยเจ้าตัวลงสนามให้ขุนค้อน 148 นัด ยิงไป 39 ประตู
ซึ่งกุนซือขุนค้อนตอนนั้นก็เป็นคุณลุงของเจ้าตัวอย่าง “แฮร์รี่ เร้ดแนปป์” ที่แม่ของ “แลมพาร์ด” เป็นพี่สาวฝาแฝดของภรรยาจ่าแฮร์รี่ พอคุณลุงและคุณพ่อย้ายออกจากทีม ทำให้เจ้าตัวอยู่ภายใต้ความกดดันของความเป็น “เด็กเส้น” ไม่น้อย
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น